10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี


http://www.dmgbooks.com/site/product.asp?intProdID=285

หนังสือแนะนำ สำหรับผู้สร้างธุรกิจ

10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี
เมื่อรู้ความต่าง จึงสร้างทางใหม่
สู่ความมั่งคั่ง อย่างไม่มีประมาณ
เนื้อหา
ผู้คนในสังคมแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คนจนมาก คนจน คนชั้นกลาง คนรวย และ คนรวยมากหรือมหาเศรษฐี แต่ละกลุ่มก็จะคิดเรื่องเงินไม่เหมือนกัน เพราะความจริง จุดเริ่มต้นของความจนมาจากความคิด เช่นเดียวกันคนที่เป็นมหาเศรษฐี หรืออยากจะเป็นก็ต้องเริ่มจากความคิดเหมือนกัน…ความคิดและทัศนคติ คือ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนจน ขยับชั้นเป็นมหาเศรษฐีได้!คนรวยคิดไกล คนจนคิดใกล้
คนรวยอ้าแขนรับความเปลี่ยนแปลง คนจนถูกความเปลี่ยนแปลงคุกคาม
คนรวยพูดถึงความคิดริเริ่มใหม่ๆ คนจนพูดถึงแต่เรื่องอื่นและคนอื่น
คนรวยตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง คนจนตั้งคำถามที่บั่นทอนพลังใจตนเอง
คนจนคิดว่าการเรียนนั้นจบที่สถานศึกษา แต่มหาเศรษฐีเรียนรู้และเติบโตไม่หยุดยั้งคนที่จนมากคิดเพียงว่าจะมีอะไรกินวันต่อวัน คนจนจะคิดเรื่องปากท้องเป็นรายอาทิตย์ คนชั้นกลางจะเริ่มมองเป็นรายเดือน คนรวยเริ่มมองไกลเป็นรายปี และคนรวยระดับเศรษฐีก็จะดีดลูกคิดกันในระดับทศวรรษหรือเป็นสิบปี ฯลฯเพราะความคิดต่าง จึงแบ่งแยกคนรวยกับคนจน
เพราะความคิดต่าง คนจนก็ยังจนอยู่วันยังค่ำ คนรวยก็รวยเอารวยเอา !
ถ้าคุณคือคนที่ยังคร่ำเคร่งกับการหาเงิน หัวหมุนกับปัญหาหนี้สิน รายรับไม่พอกับรายจ่าย ขอให้คุณพักเรื่องเหล่านี้เสีย แล้วเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะพบคำตอบดีๆ ที่จะนำพาชีวิตคุณไปสู่การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความจน ยิ่งกว่านั้นคุณจะพบว่า การเป็นมหาเศรษฐี เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณเข้าถึงกระบวนความคิดของเศรษฐี และหลีกเลี่ยงความคิดที่นำไปสู่ความจน เพียงคุณนำความคิดของบรรดามหาเศรษฐี มาประยุกต์กับความคิดของคุณ ปรับใช้ให้เหมาะสม ไม่นานคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณอย่างชัดเจน เพราะความคิดต่างนี่แหละ คือ ก้าวที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คุณเป็น มหาเศรษฐี ได้ถ้าจะให้สรุปถึงหนังสือเล่มนี้ คงนิยามได้คำเดียวว่า โดนหัวใจคนจนจริงๆ!
สารบัญ
หมายเหตุเกี่ยวกับการจัดลำดับของความต่างแต่ละข้อความต่างข้อที่ 10
มหาเศรษฐีคิดไกล คนชั้นกลางคิดใกล้ความต่างข้อที่ 9
มหาเศรษฐีพูดถึงความคิดริเริ่มใหม่ๆ คนชั้นกลางพูดแต่เรื่องอื่นและคนอื่นความต่างข้อที่ 8
มหาเศรษฐีอ้าแขนรับความเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางถูกความเปลี่ยนแปลงคุกคามความต่างข้อที่ 7
มหาเศรษฐีเสี่ยงหลังจากคิดคำนวณ คนชั้นกลางกลัวเสี่ยงความต่างข้อที่ 6
คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนนั้นจบที่สถานศึกษา แต่มหาเศรษฐีเรียนรู้และเติบโตไม่หยุดยั้ง

ความต่างข้อที่ 5
มหาเศรษฐีทำงานมุ่งหวังผลกำไร คนชั้นกลางตั้งใจทำงานเพื่อค่าแรง

ความต่างข้อที่ 4
มหาเศรษฐีเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนใจกว้าง คนชั้นกลางเชื่อว่าเขามีไม่พอเผื่อแผ่

ความต่างข้อที่ 3
มหาเศรษฐีมีแหล่งรายได้หลายทาง คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสอง

ความต่างข้อที่ 2
มหาเศรษฐีมุ่งเพิ่มมูลค่าสุทธิ คนชั้นกลางคิดแต่ขึ้นเงินเดือน

ความต่างข้อที่ 1
มหาเศรษฐีตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง คนชั้นกลางตั้งคำถามที่บั่นทอนพลังใจตัวเอง

เอาล่ะ แล้วไงต่อ

คำนำสำนักพิมพ์
มหาเศรษฐีย่อมใช้เงินให้ทำงาน
คนชั้นกลางยังทำงานหนักให้ได้เงิน!
นี่คือความจริงที่คุณกำลังเผชิญอยู่ใช่หรือไม่?ถ้าใช่ แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในสภาพหนูปั่นจักร ตั้งแต่ตื่นเช้า ไปทำงาน หาเงินใช้หนี้ เหนื่อย นอน ถ้าเป็นเช่นนี้ทุกวัน ชีวิตก็ไม่ต่างกับติดอยู่ในวังวนของปากกัดตีนถีบ เมื่อวันหนึ่งเรี่ยวแรงคุณหมด ท้อถอย หรือเจ็บป่วย ชีวิตจะเดินลงสู่หุบเหวและล้มเหลวจนคุณปฏิเสธไม่ได้สิ่งที่กำลังจะตามมาอีกระลอกคือ รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย หนี้สินเพิ่มทวีคูณ จากที่สะดวกสบายกลายเป็นลำบาก ความสุขกลายเป็นความทุกข์ สิ่งเหล่านี้จะบั่นทอนให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณอยากลาโลกนี้ไปเพื่อหนีปัญหาให้มันจบๆ ไป นี่คือความจริงที่กำลังเกิดกับมนุษย์เงินเดือน คนที่หาเช้ากินคำ ฯลฯถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะออกจากวงจรนี้!หนังสือเล่มนี้จะสร้างปรากฏการณ์ 10 ความต่างที่เป็นรูปธรรมให้คุณเห็นเส้นทางของมหาเศรษฐี ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงการเป็นมหาเศรษฐี และจะตอกย้ำให้เห็นว่า การเป็นมหาเศรษฐีนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด

จงสร้างนิสัยมหาเศรษฐีตั้งแต่วินาทีนี้ นี่คือจุดเปลี่ยนได้เกิดขึ้นกับชีวิตคุณแล้ว ถ้าคุณปฏิบัติตามเช่นนี้ต่อไปหยุดยั้ง ไม่นานคุณเตรียมเขียนใบลาออกจากความจนได้เลย!

(*) หมายเหตุเกี่ยวกับลำดับความต่างแต่ละข้อ: 10 ความต่าง สร้างมหาเศรษฐี

คนชั้นกลางคิดว่า การเรียนรู้นั้นจะจบที่สถานศึกษา
แต่บรรดามหาเศรษฐีจะเรียนรู้ และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

หนังสือเล่มนี้ เป็นการจัดลำดับความต่างแต่ละข้อตามความสำคัญจากน้อยไปมาก การจัดลำดับแบบนี้ ผมอาศัยพื้นฐานจากประสบการณ์การเป็นเจ้าของธุรกิจของผมเอง จากความสำเร็จและความล้มเหลวของมหาเศรษฐีรายอื่นๆ

ผมเชื่อว่า ความต่างข้อที่ 10 “มหาเศรษฐีคิดไกล คนชั้นกลางคิดใกล้” นั้นคือจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จที่จำเป็นมาก เพราะมันทำให้คุณจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องการ ในขณะที่คนส่วนมากกลับไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขาไม่ต้องการ แต่ไม่เคยตั้งเป้าหมายกับสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ
ส่วนความสำคัญของความต่างข้อที่เก้าไปจนถึงข้อสองนั้น คุณนำไปเรียงลำดับใหม่ให้เข้ากับการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงได้

ตัวอย่างเช่น ชีวิตคุณในระยะนี้ความต่างข้อที่เจ็ด อาจสำคัญกับคุณมากกว่าลำดับที่สาม ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นลำดับใดหรือข้อไหนก็ตาม ที่ดูเหมือนจะกระทบใจคุณขึ้นมา จงฟัง แล้วเปิดใจเรียนรู้ว่าชีวิตกำลังจะสอนอะไร

เมื่อคุณศึกษาความต่างทั้งหมดไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าคุณจะค้นพบความสำคัญของความต่างข้อที่ 1 “มหาเศรษฐีตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง คนชั้นกลางตั้งคำถามที่บั่นทอนพลังใจตัวเอง” ว่าเป็นข้อที่ควรให้ความสนใจและนำไปใช้พัฒนาอย่างสม่ำเสมอมากที่สุดในชีวิต

พึงระลึกเสมอว่า ความสำเร็จเปรียบเสมือนการเดินทาง ดังนั้น ทั้งจุดหมายและเส้นทางที่ใช้ จึงมักก่อสร้างไม่สิ้นสุด

ถ้าคุณเชื่อว่า ทุกอย่างยังมีพอ คุณจะมองหาอิสรภาพ ดังคำพูดที่ว่า “จงค้นหา แล้วคุณจะพบมัน” นั้นเป็นจริงแน่นอน ยิ่งคุณขยายแนวคิดทางการเงินไปในอนาคตได้ไกลเท่าไร จะยิ่งรวยขึ้นเท่านั้น บรรดามหาเศรษฐีทั้งหลาย ล้วนมีการวางแผนธุรกิจสู่อนาคตเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปีทั้งสิ้น-

คำนำผู้เขียน
ทำไมผมเขียนหนังสือเล่มนี้ มีสามเหตุผลด้วยกันที่ทำให้ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ เหตุผลที่หนึ่ง คือความรับผิดชอบ ผมเชื่ออย่างจริงใจ ว่า เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบในการแบ่งปันอะไรก็ตาม ที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ในชีวิตแก่กันและกัน หลายปีก่อนผมเริ่มมองหา และได้พบชายหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิต ซึ่งยอมสละเวลาอันมีค่าถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ให้ผม ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ความเชื่อ ความคิดริเริ่มใหม่ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นพลังผลักดันให้พวกเขามีชีวิตที่ไม่ธรรมดา เมื่อผมเริ่มนำปรัชญาของพวกเขามาปรับใช้กับชีวิตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาเช่นกันนอกจากการได้เรียนรู้จากบุคคลที่ทรงพลังเหล่านั้นแล้ว ผมยังได้อ่านหนังสืออีกหลายเล่มเพื่อปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น พร้อมคำชี้แนะสิ่งต่างๆ ที่ทั้งเป็นการส่วนตัวและการอ่านนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นตัวแปรสำคัญยิ่งต่อการเดินทางสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมหาเศรษฐีมาอย่างนับไม่ถ้วนเมื่อมีหนังสือดีๆ นับพันเล่มที่เขียนเกี่ยวกับความสำเร็จอยู่แล้ว ทำไมยังต้องเขียนเล่มนี้อีก คำตอบก็คือหนังสือแต่ละเล่มที่ผมอ่านนั้น เปิดเผยแง่มุมสู่ความสำเร็จแตกต่างกันออกไป บางครั้งเจ้าความแตกต่างเล็กน้อยนี้เอง ที่ส่งผลอย่างมากต่อความเข้าใจของเรา ในบางครั้ง บางคนอาจอธิบายหลักการบางเรื่องด้วยวิธีการบางอย่างเท่านั้นจึงจะจุดประกายความคิดเราได้เช่นกันกับหนังสือเล่มนี้ มันจะเปิดเผยอีกมุมมองหนึ่งซึ่งต่างออกไป เพื่อการก้าวสู่ความสำเร็จ แม้มีแนวคิดมากมายในหนังสือเล่มนี้จะถูกถ่ายทอดบอกสอนกันมาโดยบรมครูคนแล้วคนเล่า แต่ผมก็เห็นว่ายังมีอีกหลายแง่มุมที่ผมไม่เคยได้ยินได้อ่านจากไหนมาก่อน หากแต่เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ที่ล้มเหลวหรือสำเร็จมาแล้วด้วยตัวเอง ซึ่งผมรู้ว่าจะต้องสื่อถึงคนส่วนมากได้แน่

ผมขอกล่าวอย่างซื่อสัตย์ว่า ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยแรงบันดาลใจ ทุกคนประหลาดใจกันมากเมื่อถามผมว่าใช้เวลาเขียนเล่มนี้นานเท่าไร ผมตอบไปว่า เจ็ดวัน ตอนนั้นผมอยู่ที่กระท่อมหลังเล็กในภูเขาสโมกี้ ไม่มีกระดาษโน้ตอะไรทั้งนั้น ผมแค่นั่งลง แล้วเริ่มพิมพ์ถ้อยคำต่างๆ หลั่งไหลออกมาจากผู้ที่ผมกลายมาเป็น แน่นอนที่ผมได้ศึกษาเรื่องสูตรแห่งความสำเร็จมาหลายปี รวมทั้งเรียนรู้จากการผจญภัยของชีวิตที่มีขึ้น มีลง ในฐานะเจ้าของกิจการ ผมไม่เพียงแต่บอกสอนถึง ความต่าง 10 ประการ ในหนังสือเล่มนี้ แต่ผมปฏิบัติสิ่งเหล่านั้นอยู่ทุกวัน มันคือส่วนหนึ่งของความเป็นผมเลยทีเดียว

เหตุผลที่สอง ที่ผมเขียนหนังสือเล่มนี้คือจุดมุ่งหมายในชีวิต ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีสิ่งที่เปรียบเสมือนเพลงโปรดที่เราตั้งใจจะร้องอย่างดีจนจบ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของเพลงนั้น ผมรู้สึกว่าตนเองบรรลุจุดมุ่งหมายทุกครั้งที่มีโอกาสสอนหลักการเหล่านี้ และทุกครั้งที่ใครบางคนมีโอกาสบอกผมว่า พวกเขาได้นำมันไปใช้ แล้วเกิดผลที่น่าพอใจกับชีวิตอย่างไร

เหตุผลที่สาม คือ มรดก สิ่งเหล่านี้คือองค์ความรู้ และหลักการดำเนินชีวิตที่ผมตั้งใจจะให้ตกทอดเป็นมรดกสู่ลูกหลาน ในวันที่ผมจากไปแล้ว ลูกผมอาจจะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน แล้วจดจำบทเรียนบางส่วนที่พ่อเคยสอนไว้ได้บ้าง

หนังสือที่ผมเคยอ่านบางเล่ม เขียนไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน บางเล่มก็เป็นร้อยปี ใครจะรู้ว่าหนังสือเล่มนี้จะอยู่ที่ไหนเมื่ออีกร้อยปีผ่านไป ผมเชื่อว่า ความต่าง 10 ประการนี้ จะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในอีกร้อยปีข้างหน้า เหมือนที่มันมีประโยชน์ในวันนี้

ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ
การบรรลุเป้าหมายชีวิต และมรดกตกทอดซึ่งเป็นเหตุผล

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>